|
|
![]() |
|
![]() |
|
![]() |
|
ประโยคในทางคณิตศาสตร์ ประกอบด้วยตัวเลขและสัญลักษณ์ซึ่งจะทำให้ประโยคนั้น
ๆ เป็นจริงหรือเท็จก็ได้
ประโยค คือข้อความที่มีความหมาย
ซึ่งอาจเป็นข้อความจริง หรือข้อความเท็จ โดยประโยคในทางคณิตศาสตร์จะประกอบด้วย
ตัวเลข และสัญลักษณ์ อาจเป็นจริงหรือเท็จก็ได้ เช่น
7+5 = 15
สำหรับ = มีความหมายจะต้องเติมสัญลักษณ์
=,> หรือ < จึงจะทำให้ประโยคนั้นเป็นไปตามกรณีของประโยค
โดยประโยคที่ได้หลังจากเติมเครื่องหมายแล้วอาจเป็นจริงหรือเท็จได้ตามความหมายของสัญลักษณ์
ดังนี้
|
|
|
ไมเท่ากับ 15 ดังนั้นประโยคนี้ เป็นเท็จ |
ไม่มากกว่า 15 ดับนั้นประโยคนี้ เป็นเท็จ |
น้อยกว่า 15 ดังนั้นประโยคนี้ เป็นจริง |
7+5 = 15 สำหรับ = มีความหมายจะต้องเติมสัญลักษณ
์ =,> หรือ < จึงจะทำให้ประโยคนั้นเป็นไปตามกรณีของประโยค
โดยประโยคที่ได้หลังจากเติมเครื่องหมายแล้ว อาจเป็นจริงหรือเท็จได้ตามความหมายของสัญลักษณ์
ดังนี้
7+5 = 15 7+5 > 15 7+5
< 15
ในประโยคคณิตศาสตร์ที่มีตัวที่ไม่ครบค่าอยู่ด้วย ซึ่งเรานิยมใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนจำนวนที่ไม่ทราบค่าเรียกว่า ตัวแปร ประโยคนั้นอาจเป็นจริงหรือเท็จก็ได้ ทั้งนี้ยอมขึ้นอยู่กับค่าของตัวแปรนั้น ๆ เช่น X+3 = 5
ถ้า X = 1 ; 1+3 = 5
ถ้า X = 2 ; 2+3 = 5
ดังนั้น ประโยค x
+3 = 5 จะเป็น จริง เมื่อตัวแปร
x มีค่า = 2
ในกรณีที่ต้องการเขียนประโยคคณิตศาสตร์จากโจทย์ปัญหา นอกจากจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนสิ่งที่ต้องการหาคำตอบ
ยังอาจใช้สัญลักษณ์ ศ
แทนก็ได้ เช่น อ่านหนังสือวันแรกได้ 132 หน้า วันที่สองอ่านได้
84 หน้า วันที่สามอ่านได้ 95 หน้ารวม
3 วัน จะหน้าหนังสือได้กี่หน้า เขียนเป็นประโยคคณิตศาสตร์ 132+84+95
= ศ
0+1 1+1 2+1 3+1 4+1 5+1 6+1 7+1 8+1
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9
จากเส้นจำนวน 0 เป็นจำนวนเริ่มต้น แต่ 0 ไม่ใช่จำนวนนับ เพราะ
0 ในที่นี้หมายถึง ความไม่มี ดังนั้น 1 เป็นจำนวนนับที่น้อยที่สุด และจำนวนนับต่อ
ๆ ไปเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นที่ละ 1 ดังนี้
สำหรับ 0 เป็นจำนวนเต็ม และจำนวนนับก็เป็นจำนวนเต็มบวก ซึ่งอยู่ทางขวาของ
0 บนเส้นจำนวน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สิ้นสุด
เนื่องจาก 0 หมายถึง ความไม่มี สมบัติของ 0 และ 1 ได้ดังนี้ดังนั้น
0 จึงมีสมบัติพิเศษ คือ