2. เนื้อสี เนื้อสีมีจุดประสงค์เพื่อควบคุมสีต่าง ๆ ให้ได้ตามที่ต้องการ ทำให้สีมีความเงางาม ป้องกันสนิมและทำให้ เกิดความราบเรียบของชิ้นงาน ตัวยับยั้งการเกิดสนิมที่ใส่ไปในสีได้แก่ ตะกั่วแดง ตะกั่วน้ำเงิน สังกะสีโครเมต สีต่าง ๆ อาจได้มาจากทางสารเคมีธรรมชาติหรือสารประกอบโลหะ เนื้อสีจำนวนมากจะอยู่ในสารยึดเกาะเป็นของแข็งและ ไม่ละลาย ในสารละลาย แต่จะเสื่อมคุณภาพเมื่อปล่อยทิ้งไว้ในบรรยากาศการเกิดฟิล์มสี สีเกิดจากการผสมของเนื้อสี และน้ำยาผสม น้ำมันวานิช (vanish) จะไม่มีเนื้อสี อีนาเมล (enamel) คือส่วนผสมของเนื้อสีและวานิชแลกเกอร์ คือวัสดุที่ทำให้สีแห้งเร็ว ซึ่งเป็นวัสดุที่ระเหยง่ายและระเหยอย่างรวดเร็ว และจะเหลือสิ่งที่ไม่ระเหยตกค้างอยู่ได้แก่ เนื้อสี แลกเกอร์ทำจากเรซินเซลลูโลสที่ละลายได้ในสารละลาย เนื้อสีจะถูกเติมลงไปเพื่อให้เกิดสีต่าง ๆ
3. สารทำละลาย เป็นสารที่ใช้ทำให้สารยึดเกาะเกิดการละลายเจือจาง โดยเมื่อเดิมสารทำละลายลงไปจะทำให้ความ หนืดของสารยึดเกาะลดลง และจะเพิ่มปริมาณของสี แต่จะไม่ลดประสิทธิภาพของสารทำละลาย
4. สารเพิ่มคุณภาพ เป็นวัสดุที่เดิมลงไปในสีในปริมาณเล็กน้อย ทำให้สีมีคุณภาพทางเคมีที่ดีในการทำให้สีเกิดการ เคลือบติดวัสดุชิ้นได้ดี เช่น มีความเสถียร ไม่เกิดฟองไหลได้ดี มีความเสถียรแม้อากาศเย็น ทำให้รวมตัวกันได้ดียึดเกาะ ผิวงานได้ดีสีมีหลายชนิดได้แก่
1. สีน้ำ (water paints) เป็นสีที่ใช้น้ำเป็นตัวทำให้สีเจือจางสีน้ำปกติไม่มีกลิ่นแห้งเร็วเหมาะสำหรับงานทาสี บ้านเรือน และอาคาร สารยึดเกาะปกติเป็นน้ำมัน และส่วนประกอบของเรซินในบางกรณีสีน้ำเหล่านี้จะเป็นก้อนแข็ง เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิที่เย็น และเมื่อสีถูกเก็บไว้นาน ๆ และได้รับความร้อนมาก ๆ สีน้ำก็จะเสื่อมคุณภาพสีน้ำบาง ชนิดจึงมีส่วนประกอบของยางจากต้นยางเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
2. สีวานิช (varnish paints) เป็นส่วนผสมของยางธรรมชาติหรือยางสังเคราห์และน้ำมันซักแห้ง เช่น น้ำมันปลา น้ำมันละหุ่ง น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันถั่วเหลือง หรือน้ำมันข้าวโพด ยางสน ธรรมชาติเป็นกาวหรือน้ำมัน เช่น ยางสนแข็ง ยางสนสังเคราะห์ เช่น อัลคิด อีพอกซี เมลามีน ฟีนอล ซิลิโคน และยูเรีย ทั้งหมดถูกใช้งานในสี
- วานิชอัลคิด จะแข็งเมื่อได้รับความร้อนเมื่อใช้กับฐานน้ำมัน
จะทำให้เกิดความเงางามสูง ต้านทานสารเคมี ความร้อนและความชื้น มีความยืดหยุ่น
และมีคุณสมบัติติดแน่น
- วานิชฟีนอล มีคุณสมบัติเด่นในการยึดเกาะเมื่อถูกอบด้วยความร้อน
มีคุณสมบัติเป็นฉนวนได้ดี และต้านทานน้ำทะเล ปกติต้านทานสารเคมีได้ไม่ดีเท่ากับอัลคิด
3. สีบิทูมินัส (bituminous
paints) หรือสีวานิชที่มีถ่านน้ำมันดิน (coal
tar) ละลายในน้ำแร่ ใช้เป็นสีกันน้ำมีความซาบซึม ของน้ำได้ต่ำมาก ด้วยเหตุนี้จึงมีความต้านทานน้ำได้ต่ำมาก
ด้วยเหตุนี้จึงมีความต้านน้ำได้ดี ดังนั้นจึงใช้เป็นสีกันน้ำ มีความ ไว ต่อแสงแดด
และจะหดจนย่นหรือบิดเบี้ยวโก่งงอและแตกเมื่อสัมผัสกับแสงแดด แม้ในระยะเวลาอันสั้น
4. สีอีนาเมล enamelpaints)เป็นผลจากการที่เนื้อสีถูกผสมกับวานิชผลลัพธ์ทีได้จะทำให้ผิวมีความราบเรียบมาก
หลังจาก ที่สีแห้ง สีอีนาเมลจะแห้งในอากาศ หรือโดยการอบให้ความร้อน
- อีนาเมลอะคริลิก มีความเสถียรของสีดีที่อุณหภูมิสูง
- อีนาเมลอีพอกซี มีความยืดหยุ่น
ต้านทานสารเคมีและปกติต้องอบด้วยความร้อน
- อีนาเมลฟีโนลิก ต้านทานสารเคมี
น้ำ และน้ำมัน
- อีนาเมลอัลคิด มีสีดีและมีความเงางาม
ต้านทานความชื้นและสารเคมีจำนวนมากได้ เมื่อถูกผสมด้วยซิลิโคน การต้านทานความร้อนจะเพิ่มขึ้น
- อีนาเมลซิลิโคน มีการต้านทานความร้อนได้เด่น
- อีนาเมลยูรีเทน ต้านทานการขูดถลอก
- อีนาเมลไวนีล ต้านทานความชื้นดี
5. สีเคลือบฐานยาง
ได้แก่ สียางคลอริเนต ใช้เป็นสีห้องกันกรด ด่าง แอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์แก๊สโซลีน
และเกลือ แต่ไม่ทนต่อจาระบีที่ได้จากสัตว์ สีเคลือบนีโอเพรน (neoprene) ต้านทานต่อน้ำมัน
ด่าง กรด และเกลือ