เกษตรกรรมธรรมชาติดัดแปลงเพื่อควบคุมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล 

 เกษตรธรรม ชาติมีหลักการใช้ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตต่างชนิดควบคุมกันเอง ให้แต่ละอย่างปรับตัวลงไปสุ่สมดุล  คือพอเหมาะพอดีโดยการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่จะฆ่าแมลงแบบครอบจักรวาล ที่จริงในนาข้าวของไทยขณะนี้จะรอแมงมุม แมลงปอ เชื้อรา มาคุมเพลี้ยให้หยุดการทำลายข้าว ผลผลิตอาจจะเสียหายรุนแรงมาก 

เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลมีนิสัยชอบเกาะอาศัยอยู่บริเวณโคนต้นข้าวเหนือระดับน้ำเพียงเล้กน้อย เป็นจุดเด่นที่พ่นสารกำจัดแมลงลงไปไม่ค่อยถึง  แต่เป็นจุดอ่อนของแมลงถ้ามีปลากินแมลงจู่โจมมาจากในน้ำทั้งจากปลาเสือและปลาตะเพียน 

ปลาเสือ  มีเหลือน้อยแล้วในธรรมชาติของไทย ถ้ามีอยู่ในนาที่ระดับน้ำสูงพอให้ออกไปหากินในท้องนาได้สะดวก ปลาเสือจะใช้วิธีเล็งที่เพลี้ยแล้วพ่น หรือยิงน้ำให้ถูกตัวเพลี้ยตกลงในน้ำแล้วตอดกิน  ปลาเสือหลายตัวอาจร่วมเล็งพ่นน้ำ เพลี้ยตัวเดียวกัน แล้วพ่นน้ำขึ้นไปพร้อม ๆ กันเหมือนมีภาษารู้นัดแนะกันได้ 

ที่หามาเลี้ยงได้ง่ายกว่าคือ ปลาตะเพียน ปลาชนิดนี้ช่วยกินหญ้าจอก แหน วัชพืชน้ำมิให้นารกเกินไป แล้วยังช่วยกินเพลี้ยโดยไปเล็งอยู่ใต้น้ำ  แล้วกระโดดขึ้นงับกินเพลี้ยแถวโคนต้นได้ การเสริมการควบคุมแมลง โดยใช้ปลาตะเพียนยังทำได้โดยทำบ่อปลาเล้ก ๆ บริเวณหัวมุมนา ติดไฟแบล็คไลท์ที่จุดนี้จะช่วยล่อแมลง ที่บินได้ให้มาเล่นไฟแล้วตกลงในน้ำ  ซึ่งปลาตะเพียนก็จะกินแมลงเป็นอาหารควรทำตั้งแต่แมลงมีน้อยยังไม่ทัน ระบาด ดีกว่าระบาดแล้วเริ่มเลี้ยงปลาในนา จะไม่ทันต่อเหตุการณ์ 

ตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ 
ปี 2531 มีการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ชาวนาเพื่อนบ้านใช้สารเคมีปราบกันทั่วแต่นาของ  คำเดื่อง  ภาษี  เกษตรกรบ้านดอนแขวง ต.ดอนมนต์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ไม่ได้ใช้สารเคมีใด ๆ เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจึงมาลงที่นาของ คำเดื่อง จำนวนมาก  แต่ปรากฏว่าเกิดมีแมงมุมเข้ามาชักใยในนาของเขาเต็มไปหมด  เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลจะถูกแมงมุมจับกินไปจำนวนมาก ภายหลังทั้งแมงมุมและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลก็ลดจำนวนลง โดยกลไกตามธรรมชาติ 
 

การเลี้ยงปลาในนาข้าวรูปแบบหนึ่งของระบบการเกษตรแบบผสมผสานเพื่อ
ควบคุมเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้อีกทางหนึ่ง