1.1 น้ำผึ้ง
1.2 ไขผึ้งหรือขี้ผึ้ง
1.3 อาหารตัวอ่อนผึ้งหรือโรยัลแยลลี่
1.4 ชันครั่ง
1.5 เส้นไหม
แมลงที่ให้ผลผลิตที่เป็นประโยชน์มีน้อยชนิด แต่ผลิตผลที่
แมลงให้นั้นมีคุณค่ามหาศาล จนทำให้มนุษย์หันมาเลี้ยงแมลงเพื่อเอา
ผลิตผลจากแมลงมาจำหน่ายเป็นสินค้า ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้การเลี้ยงแมลงซึ่งเดิมทำกันในยามว่างเป็น
อาชีพเสริมในครัวเรือน กลายเป็นอาชีพหลักที่ทำรายได้ให้เกษตรกร
ผู้เลี้ยงเป็นจำนวนมาก และในปัจจุบันได้พัฒนาจนเป็นอุตสาหกรรม
ที่มีการส่งผลิตผลเหล่านี้ไปขายยังต่างประเทศเป็นสินค้าออกที่สำคัญ
ผลิตผลอันมีคุณค่ามหาศาลที่ได้รับจากแมลง ได้แก่
1.1 น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งเป็นอาหารบริสุทธิ์จากธรรมชาติที่มนุษย์ทุกชาติทุกภาษา
นิยมรับประทานสมัยก่อนใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาลในการปรุงรสอาหาร
ปัจจุบันน้ำผึ้งได้ถูกนำมาใช้ประกอบเป็นอาหารมากมายหลายอย่าง
ผึ้งที่ให้น้ำผื้ง

รวมทั้งการรับประทานเปล่า ๆ ด้วย เชื่อว่าเป็นยาบำรุงกำลังที่ดี ส่วน
ประกอบของน้ำผึ้งส่วนใหญ่คือน้ำตาล จึงจัดว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงาน
(คาร์โบไฮเดรท) น้ำผึ้งจะให้พลังงานออกมามากกว่าอาหารที่ให้พลังงาน
ชนิดอื่น ๆ ทั่วไปในปริมาณน้ำหนักแห้งที่เท่ากันเมื่อย่อยสลายในร่างกาย
แล้ว จึงจัดว่าเป็นอาหารจำพวกที่ให้พลังงานที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง
น้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากรวงผึ้ง ซึ่งเกิดจากผึ้งงานไปดูด
น้ำหวานจากดอกไม้หรือน้ำหวานที่ผลิตออกมาจากแมลงจำพวกเพลี้ย
นำมาเก็บสะสมในรวงรังแล้วทำการบ่มด้วยการให้น้ำค่อยระเหยไป
จนน้ำหวานนั้นมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกายภาพและทางเคมี กลาย
เป็นน้ำผึ้งที่มีความเข้มข้นสูงมากจนมีน้ำเหลืออยู่ไม่ถึง 20 เปอร์เซนต์
น้ำผึ้งจึงเก็บไว้ได้นาน ไม่เสียโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ
ไม่สามารถขึ้นได้ น้ำผึ้งจะมีรส กลิ่นและสีแตกต่างกันตามชนิดของ
พืชอาหารของผึ้ง เช่น น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกลำไย น้ำผึ้ง
จากดอกส้ม น้ำผึ้งจากดอกสาบเสือ เป็นต้น ความนิยมน้ำผึ้งของผู้
บริโภคต่างกันไป กลุ่มประเทศทางตะวันตกนิยมน้ำผึ้งสีจาง รสนุ่มนวล
กลิ่นไม่แรงจัด ส่วนทางประเทศแถบเอเซีย นิยมน้ำผึ้งที่มีสีน้ำตาลเข้ม
รสและกลิ่นค่อนข้างรุนแรงน้ำผึ้งที่มีขายในประเทศทางยุโรปและอเมริกา
ส่วนมากเป็นน้ำผึ้งที่ได้มาจากผึ้งพันธุ์ที่เลี้ยงกันเป็นอาชีพ แต่ในประเทศ
ไทยน้ำผึ้งที่มีขายนั้นเป็นน้ำผึ้งจากผึ้งชนิดอื่นด้วย เช่นผึ้งมิ้ม ผึ้งโพรง
และผึ้งหลวง อย่างไรก็ตาม น้ำผึ้งที่ได้จากสภาพธรรมชาติของผึ้งไม่ว่า
จะเป็นผึ้งชนิดใดก็ตามไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด เพราะล้วนแต่
ได้มาจากน้ำหวานของดอกไม้ทั้งสิ้น
น้ำผึ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผึ้ง มีจำหน่ายทั่วไปในปัจจุบัน

1.2 ไขผึ้งหรือขี้ผึ้ง
เป็นสารที่ผึ้งงานผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สร้างรัง ซ่อมแซมและปิดฝา
หลอดรวงรังผึ้ง โดยผลิตออกมาจากต่อมไข ซึ่งอยู่ที่ปล้องท้องของผึ้ง
งาน ไขผึ้งที่ผลิตออกมาจะเป็นเกล็ดบางๆ สีขาวเหมือนสีน้ำนม ผึ้งงาน
จะใช้กรามเคี้ยวในขณะที่ใช้เกล็ดไขนี้สร้างรวงและมักจะผสมกับเม็ด
สีที่ติดมากับละอองเกสร ทำให้รวงผึ้งมีสีเหลืองอ่อน ไขผึ้งที่บริสุทธิ์
จะมีกลิ่นคล้าย ๆ น้ำผึ้ง และหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 65 องศา
เซลเซียส ไขผึ้งหรือขี้ผึ้งนั้นใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้ทำ
เทียนไข ขี้ผึ้ง สารสำหรับขัดเขาหรือขัดมัน หมึก หุ่น แม้ว่าปัจจุบันมี
ขี้ผึ้งสังเคราะห์ขึ้นมากมาย แต่ขี้ผึ้งจากรังผึ้งเมื่อใช้ทำเทียนจะไม่มีควัน
ไม่หยดและมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ด้วย จึงเป็นที่นิยมกันมากและมีราคา
แพงกว่าขี้ผึ้งสังเคราะห์หลายเท่า นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมทำเครื่อง
สำอางยังใช้ขี้ผึ้งเป็นส่วนผสมของครีมทาหน้ารองพื้น ครีมนวดผิวและ
ลิปสติกอีกด้วย ที่สำคัญคือ การเลี้ยงผึ้งเป็นอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
ใช้ไขผึ้งมารีดทำเป็นแผ่นฐานรวงหรือรังเทียม เพื่อให้ผึ้งใช้เป็นฐานใน
การสร้างรวงผึ้งต่อออกไป เป็นการประหยัดพลังงานของผึ้งงาน ไม่
ต้องสร้างรวงรังใหม่หมด เพราะฐานรวงนี้สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ หลัง
จากสกัดน้ำผึ้งออกจากรวงแล้ว
หลอดรวงรังที่ผึ้งสร้างต่อออกจากฐานผึ้งตามวิธีการเลี้ยงผึ้งสมัยใหม่
ในประเทศไทย ไขผึ้งที่มีจำหน่ายอยู่นั้น เป็นผลพลอยได้จาก
การเลี้ยงผึ้ง คือหลอมมาจากฝาปิดหลอดรวงผึ้งที่ถูกปาดสกัดน้ำผึ้ง
ออกไปแล้ว และได้จากการหลอมเศษรวงหรือรวงผึ้งเก่า ๆ ดังนั้นการ
พัฒนาการเลี้ยงผึ้งให้เจริญก้าวหน้าก็จะช่วยให้มีผลพลอยได้คือไขผึ้ง
นี้ออกมาจำหน่ายมากขึ้น เป็นการเสริมรายได้ของเกษตรกรเพราะ
ไขผึ้งนั้นจำหน่ายได้ราคาสูงกว่าน้ำผึ้งเสียอีก

1.3 อาหารตัวอ่อนผึ้งหรือโรยัลแยลลี่
เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งผลิตโดยต่อมคู่หนึ่งที่
อยู่ที่ส่วนหัวของผึ้งงาน ผึ้งงานในวัยที่ทำหน้าที่เป็นผึ้งพี่เลี้ยงจะผลิต
สารนี้ซึ่งมีสีขาวครีมคล้ายครียนม แล้วขับออกมาทางปาก ป้อนให้กับ
ตัวอ่อนของผึ้งในรัง ตัวอ่อนของผึ้งที่เจริญเป็นผึ้งแม่รังจะได้รับอาหาร
ชนิดนี้มากเป็นพิเศษ ทำให้ตัวอ่อนของผึ้งแม่รังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว
มีการพัฒนาทางโครงสร้างและรูปร่างเป็นพิเศษ ดังจะเห็นว่าผึ้งแม่รังมี
ขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าประชากรอื่นๆ ในรังผึ้ง
อาหารตัวอ่อนผึ้ง ซึ่งเรียกกันว่า นมผึ้ง นี้ประกอบด้วยสาร
หลายชนิด คือ น้ำ โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ วิตามินชนิดต่าง ๆ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งมีวิตามินบีค่อนข้างสูงและมีวิตามินซีและวิตามินดีด้วย
ผู้บริโภคในหลายประเทศเชื่อว่าอาหารตัวอ่อนผึ้งมีคุณสมบัติทางด้าน
บำรุงกำลัง เป็นยาอายุวัฒนะ เป็นสารกระตุ้นสมรรถนะทางเพศ นอก
จากนั้นยังช่วยลบรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังและช่วยเสริมสร้างความงาม
ทำให้ผู้เลี้ยงผึ้งในปัจจุบันมุ่งให้ความสนใจในการผลิตโรยัลแยลลี่กัน
มากขึ้น เพราะความต้องการของตลาดมีมากทั้งในประเทศและต่าง
ประเทศและยังสามารถขายได้ในราคาที่สูงมากอีกด้วย
1.4 ชันครั่ง
ชันครั่งเป็นผลิตผลที่ได้จากครั่ง ซึ่งเป็นแมลงตัวเล็ก ๆ ขนาด
เท่าไรไก่ ตัวอ่อนของครั่งเมื่อฟักออกจากไข่จะหากิ่งอ่อนของต้นไม้ที่
เหมาะสม ยึดเกาะและดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชเป็นอาหาร และจะไม่
เคลื่อนย้ายที่อยู่อีกต่อไป ครั่งตัวเมียที่ผสมพันธุ์แล้วจะขับสารชนิด
หนึ่งที่เรียกว่า" ชัน" ออกมาหุ้มตัวเอง ครั่งตัวเมียขับสารชนิดนี้ออก
มามากเท่าใด ชันครั่งหรือรังครั่งก็จะยิ่งเจริญเติบโต ขึ้นจนในที่สุดก็จะ
เกาะติดกันเป็นพืด มีลักษณะเป็นก้อนสีน้ำตาลเข้มติดอยู่รอบ ๆ กิ่งไม้
ที่ครั่ง อาศัย รังครั่งนี้คือครั่งดิบที่เป็นสินค้าที่มีคุณค่ามากในทางเศรษฐกิจ
เพราะครั่งดิบสามารถนำไปใช้ เป็นวัตถุดิบป้อนโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ
เช่น โรงงานไฟฟ้า โรงงานผลิตตู้เย็นและเครื่องไฟฟ้า ใช้เป็นส่วนประกอบ
ของกาวสำหรับเชื่อมหลอดไฟฟ้ากับขั้วทองเหลือง หลอดวิทยุ โทรทัศน์
การติดกระดาษทรายน้ำทำผ้าน้ำมัน หมึกพิมพ์ชนิดกันน้ำ น้ำมันชักเงา
ทำกระดาษพิมพ์ แผนที่ ทำฟันปลอม ยาทาเล็บ ยาย้อมผม เคลือบเม็ดยา
เป็นสมุนไพรใช้บำรุงโลหิต ทำสีย้อมผ้า ไหม และผ้าขนสัตว์ สีผสมอาหาร
ใช้ประทับตราไปรษณีย์ และทำหมึก เป็นต้น นอกจากนี้ยัง สามารถ
แปรสภาพครั่งดิบเป็นครั่งเม็ด เพื่อใช้ในตลาดภายในประเทศและส่งออก
ไปจำหน่ายยัง ตลาดต่างประเทศได้ด้วย

ชันครั่งบนกิ่งไม้ที่ครั่งอาศัยอยู่
ปัจจุบันประเทศผู้ผลิตและส่งออกครั่งที่สำคัญของโลกมีอยู่เพียง
2 ประเทศเท่านั้น คือประเทศไทยและอินเดีย และประเทศไทยเป็น
ผู้ครองสัดส่วนตลาดครั่งเม็ดมากที่สุดในโลกการเพาะเลี้ยงครั่งใน
ประเทศไทยเป็นอาชีพสำคัญอย่างหนึ่งของราษฎรในภาคเหนือ ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนเหนือ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้
จะเป็นผู้คัดเลือกแม่พันธุ์ครั่งจากกิ่งไม้ที่มีครั่งจับดีแล้วมาแจกจ่ายให้
กับเกษตรกรผู้เลี้ยงครั่งเพื่อนำไปขยายพันธุ์ พร้อมทั้งให้คำแนะนำ
วิธีการเพาะเลี้ยงครั่งที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเพื่อให้เกษตรกรสามารถ
ยึดการเลี้ยงครั่งเป็นอาชีพที่ทำรายได้ให้กับครอบครัวอย่างเพียงพอ
สำหรับพรรณไม้ที่ใช้เพาะเลี้ยงครั่งได้ดี เรียงลำดับจากคุณภาพดีของ
ครั่งที่ผลิตได้ คือ ตะกร้อ ทองกวาว สะแก จามจุรี ปันแถ เปล้า ฉนวน
ถั่วแระ พุทรา สีเสียดแก่น มะเดื่อ ยวนผึ้ง พะยูงและหลังดำ
ครั่ง อาจถือได้ว่าเป็นแมลงที่ให้โทษในทางการเกษตร เพราะ
ทำให้ต้นพืชที่ครั่งไปเกาะอาศัย โดยเฉพาะไม้ผลต่าง ๆ ทรุดโทรมลง
และผลผลิตตกต่ำ แต่ครั่งก็เป็นแมลงที่เป็นประโยชน์ในแง่ที่ผลิตสาร
ที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นสินค้าออกที่ทำรายได้มาสู่ประเทศมากพอสมควร
1.5 เส้นไหม
ได้มาจากตัวไหมซึ่งเป็นแมลงพวกเดียวกับผีเสื้อทั้งหลาย ไหม
ถูกมนุษย์เลี้ยงมาช้านานแล้ว จึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงไป คือไม่สามารถ
ดำรงชีวิตได้ด้วยตนเองในธรรมชาติ ไหมไม่แข็งแรงพอจะเกาะกินบน
พืชอาหารในธรรมชาติได้ และไม่สามารถบนไปผสมพันธุ์ได้ ต้องอาศัย
มนุษย์เป็นผู้เลี้ยงดู ผลผลิตที่มนุษย์ได้จากไหมคือ เส้นใยไหมที่นำมา
ทอเป็นผืนผ้าใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม ใยไหมนี้สาวออกมาจากรังไหมที่
หนอนไหมสร้างขึ้นหุ้มตัวเอง หนอนไหมนั้นเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่
แล้วจะสร้างรังหุ้มตัวเองเพื่อเตรียมตัวเข้าดักแด้ โดยการคายสารที่เป็น
ใยไหมออกมาจากต่อมสร้างไหมที่อยู่ในตัวหนอน สารที่เป็นใยไหมนี้
ประกอบด้วยโปรตีน 2 ชนิดคือ ไฟโบรอิน (fibroin) ซึ่งมีอยู่ถึง 3/4
อยู่ด้านในของใยไหม และ เซริเซน (sericin) หุ้มอยู่ด้านนอกสาร
ประเภทโปรตีนนี้มีลักษณะโปร่งใสและมีความเหนียวมากจะเปลี่ยนสภาพ
จากของเหลวไปเป็นเส้นใย เมื่อหนอนไหมคายออกมา หนอนไหมจะ
โยกหัวกลับไปกลับมาระหว่างจุด 2 จุด ขณะคายใยไหม ทำให้ได้ใย
ไหมที่มีความยาวมากเชื่อมโยงระหว่างจุดทั้งสอง ซึ่งในที่สุดก็จะประกอบ
ขึ้นเป็นรังไหมหุ้มหนอนไหมไว้ภายใน หนอนไหมแต่ละตัวจะชักใยได้
ยาวไม่เท่ากัน ใยไหมที่สาวออกมาแล้วอาจมีความยาวตั้งแต่ 350 เมตร
ถึง 1,200 เมตร ใยไหมที่ยังไม่ได้เอาสารพวก เซริเซน ออกจะไม่สวย
ดังนั้นจึงต้องมีกรรมวิธีในการสาวใยไหม เส้นไหมที่ได้จึงจะเรียบเป็น
มันเลื่อมและนิ่มสวยงามมาก จากนั้นจึงนำไปทอเป็นอาภรณ์เครื่องนุ่งห่ม
ต่อไป
กล่าวกันว่าผ้าไหมเป็นผ้าที่มีคุณภาพสูงกว่าผ้าชนิดอื่นๆ ทั้งหมด
ทั้งนี้เพราะใยไหมนอกจากจะมีความมันเลื่อมสวยงามมากแล้ว ยังสามารถ
ย้อมเป็นสีต่าง ๆ ได้ทุกสี มีความยืดหยุ่นพอสมควร เก็บรักษาความ
อบอุ่นได้ดี ดูดซับความชื้นและปล่อยระเหยไปได้ดี และผ้าไหมนั้นมี
มากมายหลายชนิด เช่น ผ้าไหมยกดอกเงินและทอง ผ้าไหมแพร
ผ้ามัสลินและผ้าซาติน เป็นต้น ที่สำคัญที่สุดคือผ้าไหมมีความคงทน
เป็นเยี่ยม
นอกจากไหมบ้านหรือไหมบอมบิกซ์ ซึ่งกินต้นหม่อนเป็น
อาหาร ยังมีหนอนผีเสื้ออีกหลายชนิดที่สามารถสร้างเส้นใยได้ แม้ว่า
เส้นใยจะมีคุณสมบัติแตกต่างจากเส้นใยที่ไหมบ้านสร้าง แต่ก็สามารถ
นำมาทำเครื่องนุ่งห่มได้เช่นกัน หนอนไหมป่าอีรี เป็นหนอนไหมอีก
ชนิดหนึ่งซึ่งมีการเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม เพื่อนำเส้นใยมาทำผ้าและ
ต้นหม่อน พืชอาหารชนิดเดียวของไหมบ้าน
เครื่องนุ่งห่ม แม้ว่าคุณภาพของเส้นใยจะไม่ละเอียดอ่อนสวยงาม
เท่าเส้นใยของไหมบ้าน แต่ผ้าที่ได้จะมีความหนาและสวยงามไปอีก
แบบหนึ่ง เหมาะสำหรับสวมใส่ในหน้าหนาว ไหมป่าชนิดนี้กินพืชอาหาร
หลายชนิด และมีแนวโน้มว่าจะมีการเลี้ยงกันมากขึ้นทุกที