การขยายพันธุ์โดยการปักชำ เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ให้ลักษณะตรงตามสายพันธุ์เดิม เหมาะสำหรับขยายพันธุ์ชาพันธุ์ดี หรือพันธุ์ชาจีน เนื่องจากการขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดมีอัตราการกลายพันธุ์สูง

การปักชำนิยมใช้วิธีปักชำส่วนใบของชาที่มีแผ่นใบ ก้านใบ และกิ่ง หรือลำต้นที่มีส่วนของตาติดอยู่ด้วย กิ่งพันธุ์ที่เหมาะสมในการนำมาขยายพันธุ์ต้องเป็นกิ่งที่สมบูรณ์ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป โดยสังเกตดูจากสีของเปลือกควรมีสีน้ำตาลและเขียว กิ่งพันธุ์ชาที่ตัดยอดแล้วยังไม่สามารถนำไปปักชำในแปลงได้ แต่ต้องเก็บไว้ในที่เย็นชื้น เช่นถุงพลาสติกพรมน้ำ และควรปักชำภายใน 48 ชั่วโมง

แปลงเพาะชำควรมีขนาดกว้าง 1-1.5 เมตร วัสดุที่ใช้เพาะควรมี pH ไม่เกิน 5.5 และมีอินทรียวัตถุน้อย ซึ่งวัสดุเพาะชำที่เหมาะที่สุดคือดินแดง (red soil) วิธีการชำทำโดยตัดกิ่งชาให้มีความยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร มี 1 ใบ และ 1 ข้อ สำหรับชาอัสสัม หรือ 1 ใบ 2 ข้อ สำหรับชาจีน (ตัดใบออกครึ่งหนึ่ง เพื่อลดการคายน้ำ) แล้วนำมาจุ่มฮอร์โมนเร่งราก เพื่อช่วยให้การออกรากของกิ่งปักชำเร็วและสม่ำเสมอมากขึ้น นำกิ่งชำปักลงไปในแปลงเพาะหรือชำในถุงพลาสติก โดยให้ส่วนโคนของกิ่งเอียงทำมุม 45 องศากับพื้น จัดใบให้หันไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าชำในแปลงเพราะควรให้มีระยะห่างของกิ่งชำ 5 เซนติเมตร ระหว่งแถว 15 เซนติเมตร แล้วใช้พลาสติกใสคลุมแปลงเพาะชำเป็นอุโมงค์เพื่อช่วยเพิ่มความชื้นสัมพัทธ์ และลดการสูญเสียน้ำจากใบ เรือนเพาะชำควรมีความชื้นสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่า 90% การให้น้ำควรให้ 2 วัน/ครั้ง หรือวันละครั้ง หลังชำประมาณ 3-4 เดือน หรือเมื่อกิ่งชำแตกยอดเกิดใบจริง 2-3 ใบแล้วให้นำถุงพาลสติกคลุมแปลงออก การชำในแปลงเพาะเมื่อรากเจริญดีแล้วก็สามารถแยกไปชำต่อในถุงพลาสติกขนาด 6x12 นิ้ว หรือเลี้ยงต่อไปใน แปลงเพาะจนอายุ 10-12 เดือน หรือจนต้นสูงประมาณ 15-20 เซนติเมตร ก็สามารถย้ายลงปลูกในแปลงได้ โดยช่วยก่อนย้ายลงปลูก 2 สัปดาห์ ควรตัดยอดเพื่อกระตุ้นให้ต้นแตกกิ่งข้าง ทำให้ทรงพุ่มแผ่ขยายออก

การปักชำสามารถใช้สารเร่งรากช่วย เช่น IBA ความเข้มข้น 1,500 ppm จะสามารถเพิ่มอัตราการออกรากของกิ่งปักชำได้ดี